ไขข้อข้องใจ เรื่องการครอบแก้ว หลายคนคงคุ้นเคยและเคยเห็นผ่านตามาบ้างแล้ว การครอบแก้วคืออะไร แล้วช่วยอะไรได้บ้าง เจ็บมั้ย อ่านโพสต์นี้มีคำตอบค่ะ
การครอบแก้วก็คือการนำแก้วที่ใช้ทำหัตถการครอบแก้ว มาเผาอ๊อกซิเจนในแก้วจนหมด (โดยแอลกอฮอล์ 95%) จนภายในแก้วเป็นสุญญากาศ แล้วครอบลงไปบนบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
Note : ส่วนใหญ่จะเป็นจะเป็นบริเวณที่มีกล้ามเนื้อและเรียบเสมอกันไม่มีช่องว่างให้อากาศเข้า เช่น ที่หลัง สะบัก เอว น่อง เพราะถ้ามีอากาศเข้าไปแทนที่ในแก้ว จะไม่สามารถดูดผิวขึ้นมาได้
ด้วยความที่ใต้แก้วเป็นภาวะสุญญากาศ ทำให้ผิวหนังและกล้ามเนื้อถูกดูดติดขึ้นมา แรงดูดจากแก้วทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังแตก กล้ามเนื้อจะถูกดูดขึ้นมาด้วย
การที่ทำให้เส้นเลือดฝอยและกล้ามเนื้อถูกดูดขึ้นมาจนบาดเจ็บเล็กน้อย ทำให้ร่างกายต้องซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เลือดต้องไหลเวียนมายังจุดที่เส้นเลือดฝอยแตกมากขึ้น ทำให้เกิดการถ่ายเทของเสีย เช่น พวกกรดต่างๆที่ถูกปล่อยออกมาจากกล้ามเนื้อและสะสมอยู่ในกล้ามเนื้อ
หลังจากรักษาโดยการครอบแก้วเสร็จใหม่ๆ 1-2 วัน คนไข้อาจจะรู้สึกระบมบ้าง(แต่เป็นความรู้สึกที่ทนได้ ไม่ได้เจ็บปวดอะไร) และมีรอยเส้นเลือดฝอยแตก (และแต่ละสีที่แสดงออกมาในคนไข้แต่ละคนมักจะต่างกัน) ภายใน 1-2 สัปดาห์ก็จะถูกร่างกายดูดซึมและสีจางไปเอง
และเวลาที่ใช้ในการทำหัตถการมีเพียง 5-10 นาทีเท่านั้น หากทำนานเกินไป จะทำให้ผิวหนังบาดเจ็บได้ คือเกิดตุ่มน้ำขึ้นมาบริเวณผิวหนัง เพราะผิวหนังโดนดูดขึ้นมานานเกินไป (ไม่ได้ร้ายแรง แต่หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นดีที่สุดค่ะ)
การครอบแก้วเหมาะกับใคร
เหมาะกับคนที่มีอาการปวดตึงกล้ามเนื้อในระดับตื้นๆ อาการปวดตึงไม่มากนัก ต้องอาการผ่อนคลายกล้ามเนื้อระดับผิวเผิน (หากคนไข้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง หรือกล้ามเนื้อมัดลึกลงไป การฝังเข็มสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า) คนไข้ที่มีอาการภูมิแพ้ หรือเป็นหวัดในระยะเริ่มต้น
แล้วสีที่ปรากฏออกมาหลังจากทำหัตถการครอบแก้วแตกต่างกันอย่างไรและพยากรณ์โรคอย่างไรได้บ้าง
ส่วนใหญ่ในคนไข้ 1 คน สีที่แสดงออกมาหลังจากทำหัตถการครอบแก้วไม่เหมือนกัน (หมอหมายถึงว่าในคนไข้ 1 คน อาจมีสีจากรอยครอบแก้วได้หลายสี) สีม่วงเข้ม สีชมพูเข้ม สีชมพูอ่อน และไม่มีสีอะไร มีแต่รอบขอบแก้ว ซึ่งแต่ละสีก็อาจหมายถึงการสะสมของของเสียภายในกล้ามเนื้อในแต่ละบริเวณอาจไม่เท่ากัน
แต่ในมุมมองของแพทย์แผนจีนคือ สีม่วงเข้มจะหมายถึงมีพิษความเย็นสะสมอยู่มาก เช่น บริเวณสะบักที่พบสีม่วงเข้มบ่อยๆ (อาจโดนแอร์ในออฟฟิศเป่าตลอดโดยไม่รู้ตัว หรือกล้ามเนื้อบริเวณนั้นหดเกร็งตลอดจากการนั่งทำงานนานๆ ซึ่งก็สามารถเข้าใจได้)
หรือสีชมพูเข้ม คือมีพิษความร้อนสะสมอยู่มาก (มักพบได้ในคนที่ตัวใหญ่ที่มีไขมันสะสมบริเวณใต้ผิวหนังมากหรือคนที่ชอบกินอาหารทอด อาหารมัน อาการรสจัด มีสิวที่หลัง)
สีชมพูอ่อนสะท้อนถึงพลังงานในร่างกายที่มีพอเหมาะ ไม่มีของเสีย/ความร้อน/ความเย็นคั่งค้างมากเกินไป การไหลเวียนเลือดอยู่ในระดับดี หรือไม่มีสีอะไรเลย อาจหมายถึงพลังงานในร่างกายน้อยจนไม่สามารถสะท้อนอะไรออกมาให้เห็นได้เลย (ชี่/เลือดพร่อง พลังงานในร่างกายไม่เพียงพอ)
นอกจากนี้หลังจากที่ทำหัตการครอบแก้วหมอเหมียวพบว่ามีไอน้ำเกาะอยู่ที่ผิวของอุปกรณ์ครอบแก้วด้านใน(ทุกเคส) ซึ่งก็เป็นไอน้ำที่ถูกดูดออกมาจากร่างกายคนไข้ ที่ถูกระบายออกจากรูขุมขนในระหว่างที่แก้วดูดอยู่บนร่างกาย แพทย์จีนหลายคนเลยมักจะบอกว่าการครอบแก้วสามารถดูดพิษความชื้นจากร่างกายคนไข้
ไม่ว่าจะเป็นไปด้วยการอธิบายอย่างไรก็ตาม หลักการโดยสรุปก็คือเพิ่มการไหลเวียนของเลือดบริเวณที่ครอบแก้วในระดับผิวเผิน(จากการที่เส้นเลือดฝอยใต้ผิวนั้นบริเวณนั้นแตก) เพื่อระบายของเสียที่สะสมอยู่ในกล้ามเนื้อ เลยทำให้กล้ามเนื้อระดับตื้นรู้สึกผ่อนคลาย หากมีอาการปวดที่สาเหตุมาจากกล้ามเนื้อมัดลึก หรืออาการอื่นๆที่เกินขอบเขตของการครอบแก้ว การฝังเข็มหรือใช้ยาจีนคือทางเลือกที่ดีกว่าค่ะ
แล้วข้อควรระวังในเรื่องการครอบแก้วมีอะไรบ้าง
ควรทำหัตถการกับผู้เชี่ยวชาญเพราะถึงแม้จะใช้เวลาไม่นานและดูเหมือนจะง่าย แต่อย่าลืมว่าต้องใช้ไฟในการเผาอ๊อกซิเจน อาจเกิดอุบัติเหตุจากไฟได้ เช่น ไฟที่ติดจากแอลกอฮอล์ตอนที่ยื่นไฟเข้าไปเผาอ๊อกซิเจน อาจมองไม่เห็นไฟที่ติดอยู่กับขอบแก้ว เศษสำลีที่ติดไฟร่วงลงบนตัวคนไข้ (เตือนแล้วนะ)
และอย่างที่บอกไปว่าต้องใช้แอลกอฮอล์ 95% (เพราะความเข้มข้นต้องมีในระดับนึง ไม่งั้นความแรงของไฟจะไม่พอ) ก็เป็นเชื้อเพลิงที่เข้มข้นกว่าแอลกอออล์ 70% รวมถึงระยะเวลาในการทำ ดังนั้นจึงแนะนำให้เลือกทำกับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น หวังว่าคงจะพอเข้าใจและไขข้อข้องใจเรื่องการครอบแก้วได้ไม่มากก็น้อย